Last updated: 13 พ.ค. 2562 |
จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียพบว่าการใช้ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ (opioid) ลดจำนวนการใช้ลงอย่างมาก หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้อนุมัติใช้กฎหมายกัญชาทางการแพทย์
ในรัฐที่มีร้านขายยากัญชาทางการแพทย์ นักวิจัยสังเกตเห็นจำนวนการใช้ยาแก้ปวดลุ่มโอปิออยด์ (opioids) ลดลง 14.4% และเกือบ 7% ลดใบสั่งยากลุ่มโอปิแอต (opiate) ในรัฐว่าด้วยกฎหมายกัญชาทางการแพทย์ที่เพาะปลูกในบ้านเท่านั้น W. David Bradford ผู้ร่วมศึกษาวิจัย และ Busbee Chair at the University of Georgia กล่าวว่าแพทย์ไม่สามารถกำหนดการใช้กัญชาได้ “เราไม่ได้ดูว่าใบสั่งยาสำหรับกัญชาจะเพิ่มขึ้นและใบสั่งยาสำหรับยากลุ่ม โอปิออยด์ (opioids) จะลดลง เราแค่สังเกตการเปลี่ยนแปลงเมื่อกฎหมายกัญชาทางการแพทย์ถูกประกาศใช้และเราพบว่าการใช้ยากลุ่มโอปิแอต (opiate) มีจำนวนลดลงมาก”
ในปี 2017 กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยากลุ่มโอปิแอต (opiates) ในทางที่ผิด และระบุว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 42,000 ราย ในปี 2016 ซึ่งมากกว่าปีก่อนที่บันทึกไว้ และมากกว่า 40% ของการเสียชีวิตจากการให้ยาเกินขนาดของยากลุ่มโอปิออยด์ (opioid) นั้นเกี่ยวข้องกับใบสั่งยา
อัตราใบสั่งยากลุ่มโอปิออยด์ (Opioid) เพิ่มขึ้นจากประมาณ 148 ล้านใบ ในปี 2005 เป็น 206 ล้านใบ ในปี 2011ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับยากลุ่มโอปิออยด์ (opioid)
นักวิจัยยอมรับว่าหากกัญชาทางการแพทย์จะกลายเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพก็ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะเริ่มเข้าใจถึงผลกระทบของสารประกอบที่มีอยู่ในกัญชาและต้องมีการกำหนด "ปริมาณ"ที่มีประสิทธิภาพของกัญชาได้อย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้ป่วยแต่ละรายได้รับในปริมาณที่สอดคล้องกัน
ที่มา : sciencedaily
ไม่พลาดทุกข่าวสารสำคัญ เพียงแค่กดเป็นเพื่อน LINE @CANNHEALTH