Last updated: 7 ส.ค. 2562 |
วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 -17:00 น.
"Exclusive"
หมายเหตุ : เผยแพร่ครั้งแรกเป็นภาษาไทยเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 โดย Cannhealth
เขียน/แปล: วันดี กุศลธรรมรัตน์/ Wandee K.
เรียบเรียง : อภินันท์ อุ่นทินกร: /Apinan Untinkorn
ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ประชาชนต่างให้ความสนใจพืชกัญชากันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาหลายแห่งได้นำพืชชนิดนี้บรรจุเข้าในหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในพืชกัญชานี้มารองรับตลาดแรงงานที่กำลังเป็นที่ต้องการ เนื่องด้วยแนวโน้มอุตสาหกรรมกัญชากำลังเติบโต และบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านนี้ยังมีไม่มากนัก แต่ทว่าหลักสูตร “กัญชาศาสตร์” ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ผู้คนยังไม่คุ้นเคยกับการเรียนการสอนในสาขานี้ จึงยังมีหลายคนมองว่าเป็นเรื่องตลกที่จะมาศึกษาในเรื่องดังกล่าว เช่นนักศึกษาบางคนที่เคยได้รับประสบการณ์
Grace DeNoya เคยชินกับการถูกขำ ถูกหัวเราะใส่เมื่อผู้คนรู้ว่าเธอกำลังเรียนวิชาเอกกัญชา
DeNoya หนึ่งในนักศึกษาใหม่รุ่นแรกที่ศึกษาในหลักสูตรปริญญา 4 ปีในสาขาวิชาเคมีพืชสมุนไพร (medicinal plant chemistry) ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธเทิร์น มิชิแกน (Northern Michigan University) ได้กล่าวว่า “เพื่อนๆ ของฉันมองว่าเป็นเรื่องตลกกับการได้ปริญญาในด้านกัญชา ฉันบอกกับเพื่อนๆ ไปว่า ไม่ใช่เลย.. มันเป็นปริญญาที่จริงจังมาก มีการเรียนการสอนเป็นเรื่องเป็นราวและมีการศึกษาด้านเคมี การศึกษาทางด้านเคมีอินทรีย์ (Organic chemistry) ซึ่งเป็นงานที่ยากมากต้องใช้ความรับผิดชอบและความอดทน”
เนื่องมาจากกระแสภาวะตื่นตัวของกัญชา (green gold rush) ในพืชกัญชาที่ถูกกฎหมาย (legal cannabis) และพืชกัญชงหรือเฮมพ์ (hemp) ซึ่งทั้ง 2 เป็นพืชตระกูล cannabis เดียวกันที่ไม่ถือเป็นยาเสพติดได้แพร่กระจายไปทั่วอเมริกาเหนือ
มีมหาวิทยาลัยจำนวนมากได้เพิ่มการเรียนการสอนในหลักสูตรกัญชาศาสตร์ เพื่อเป็นการจัดเตรียมบุคลากรที่จบการศึกษาในด้านนี้ให้มีความรู้ ความชำนาญ สำหรับอาชีพที่เกี่ยวข้องกับพืชกัญชา เช่น การเพาะปลูกกัญชา, การวิจัย, การวิเคราะห์และทำการตลาดเกี่ยวกับพืชสมุนไพร
การวิจัยแสดงให้เห็นว่ามีโอกาสสูงสำหรับผู้ประกอบอาชีพในกัญชาทุกประเภท ตั้งแต่ผู้ประกอบการเรือนกระจก (Greenhouse ปลูกกึ่งอาคารเพื่อให้ได้รับแสงอาทิตย์), และร้านขายยากัญชาให้กับผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา, ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด, ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการประกันคุณภาพและนักวิจัยด้านเภสัชกรรม โดยผลการสำรวจของ Arcview Market Research ซึ่งมุ่งเน้นไปที่แนวโน้มอุตสาหกรรมกัญชาในสหรัฐฯ โดยโครงการอุตสาหกรรมจะสนับสนุนตำแหน่งงานในด้านนี้มากถึง 467,000 คน ภายในปี 2022
แม้แต่ในรัฐที่กัญชาเพื่อสันทนาการยังคงเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย รวมไปถึง New York, New Jersey และ Connecticut มหาวิทยาลัยบางแห่งได้เปิดการเรียนการสอนในหลักสูตรกัญชาศาสตร์เพื่อรอการรับรองทางกฎหมาย หรือเพื่อเตรียมพร้อมนักศึกษาให้จบออกไปเพื่อทำงานในรัฐอื่นๆ
Brandon Canfield ศาสตราจารย์ด้านเคมีจาก Northern Michigan University ใน Marquette กล่าวว่า “เรากำลังเร่งดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมกัญชานี้ ”
เมื่อ 2 ปีก่อนเขาได้เสนอวิชาเคมีพืชสมุนไพร (medicinal plant chemistry) เป็นวิชาเอกในหลักสูตรการเรียนการสอน หลังจากเข้าร่วมการประชุมซึ่งมีตัวแทนอุตสาหกรรมกัญชาได้พูดถึงความต้องการเร่งด่วนในตลาดแรงงานสำหรับนักวิเคราะห์เชิงเคมีเพื่อการประเมินคุณภาพและการรับรอง
การศึกษาด้านกัญชาอย่างละเอียดในหลักสูตรระดับปริญญาสี่ปี เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับวิชาเอกกัญชาที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการรับรอง ซึ่งมีนักศึกษาจำนวนเกือบ 300 คน จาก 48 รัฐ ศาสตราจารย์ Canfield กล่าวว่า นักศึกษาจะไม่ได้ปลูกกัญชาซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ได้รับการโหวตจากชาวมิชิแกนให้ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการได้อย่างถูกกฎหมาย แต่นักศึกษาจะได้เรียนรู้วิธีการวัดและการสกัดสารประกอบที่มีอยู่ในพืชสมุนไพร เช่น เซนต์จอห์นเวิร์ต (St John's Wort) และโสม (Ginseng) และถ่ายทอดความรู้นั้นไปยังพืชกัญชา
มีการเปิดตัวหลักสูตรการเรียนการสอนที่คล้ายกันที่ Minot State University ใน North Dakota ทางมหาวิทยาลัยกล่าวว่านักศึกษาจะได้เรียนรู้ทักษะห้องปฏิบัติการที่นำไปปรับใช้ได้กับกับกัญชาทางการแพทย์ พืชดอกที่เรียกว่าฮ็อพ (hops) อาหารเสริมพฤกษศาสตร์ (botanical supplements) และอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์การอาหาร (food science)
ศาสตราจารย์ Canfield กล่าวว่า ผู้สำเร็จการศึกษาทั้งหมดจะมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นนักวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ โปรดทราบว่าการได้รับประสบการณ์ที่ดีอาจนำไปสู่ตำแหน่งที่จ่ายเงิน $ 70,000 ให้อย่างเหมาะสมได้ทันทีที่ออกจากสถานศึกษา สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มธุรกิจของตัวเองสามารถเลือกเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการที่ได้เพิ่มหลักสูตรการศึกษาในด้านการบัญชี ประเด็นทางกฎหมายและการตลาด
DeNoya วัย 27 ปี กล่าวว่า “ฉันวางแผนจะทำงานทางชีวภาพบางทีอาจไปทำงานในห้องทดลอง” เธอกำลังพิจารณาโรงเรียนการพยาบาลเมื่อเธอได้ยินเกี่ยวกับโปรแกรม NMU ฉันเพิ่งเปลี่ยนไปใช้เส้นทางของผู้ประกอบการ ฉันคิดว่าจะทำให้ฉันอยู่ในตำแหน่งงานที่ดีขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมยังคงขยายตัว เปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นอันมาก”
ความเจริญรุ่งเรืองในตลาดงานที่คาดหวังอันเกี่ยวข้องกับกัญชา ทำให้มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งตอบสนองด้วยข้อเสนอที่มากมาย มหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดได้เสนอการศึกษากัญชา ความรู้ย่อยๆ ที่มุ่งเน้นไปในเรื่องสังคม กฎหมาย การเมือง และผลกระทบต่อสุขภาพ มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตท, มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, มหาวิทยาลัยเดนเวอร์และมหาวิทยาลัย แวนเดอร์บิลต์ ได้เสนอคลาสการศึกษาเกี่ยวกับนโยบายและกฎหมายของกัญชา
มหาวิทยาลัยหลายแห่งได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับกัญชาเพียงเล็กน้อยเนื่องด้วยข้อจำกัดของรัฐบาลกลาง แต่เริ่มมีบางอย่างเปลี่ยนไป ด้วยโครงการริเริ่มการวิจัยกัญชาของ UCLA ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหลักสูตรทางวิชาการแรกของโลกที่อุทิศ ทุ่มเทให้กับการศึกษาเรื่องกัญชา ซึ่งได้มีการศึกษาเตรียมการตั้งแต่การรักษาโรคทางการแพทย์ไปจนถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ
Stockton University ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เริ่มต้นกัญชาแบบสหวิทยาการ (interdisciplinary - การใช้ความรู้จากองค์ความรู้หลายสาขาวิชา) ในฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา และได้สร้างพันธมิตรทางวิชาการกับ Thomas Jefferson University ในฟิลาเดลเฟียเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกงานและทำงานวิจัยกัญชาทางการแพทย์และพืชกัญชงหรือเฮมพ์ (hemp)
Kathy Sedia ผู้ประสานงานของกัญชารายย่อยที่ Stockton University กล่าวว่า “นักศึกษาส่วนใหญ่มีความสนใจในโอกาสทางธุรกิจที่แปลกใหม่”
ขอบเขตของธุรกิจกัญชา จากกัญชาทางการแพทย์และเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ (สันทนาการ) การนำมาใช้ประโยชน์เพื่อธุรกิจด้านอาหาร ผ้าและสิ่งทอ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ มากมายที่ได้มาจากต้นกัญชงหรือเฮมพ์ (hemp) พื้นฐานของทั้งหมดคือพืชตระกูล cannabis sativa พืชกัญชาหลากหลายสายพันธุ์ผลิตสาร THC ที่มีค่าระดับสูงซึ่งเป็นสารประกอบที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม มึนเมา ส่วนต้นกัญชง (hemp) เพียงแค่อยู่ในเส้นทางเดียวกับ THC แต่ผลิตสาร cannabidiol หรือที่เรียกว่า CBD ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์โภชนาการและผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาที่มีอยู่ทั้งหมดในขณะนี้
กัญชาถูกกฎหมายสำหรับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ใน 33 รัฐและเป็นยาเสพติดที่ใช้เพื่อพักผ่อนหย่อนใจใน 11 รัฐ ในขณะที่กัญชายังคงเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายของรัฐบาลกลาง กฎหมาย Farm bill ปี 2018 ได้เคลียร์เส้นทางสำหรับการเพาะปลูกต้นกัญชงหรือเฮมพ์ (hemp) อย่างแพร่หลาย
ในนิวยอร์กที่ซึ่งสมาชิกสภานิติบัญญัติกำลังเคลื่อนไหวเพื่อให้การใช้กัญชาเพื่อสันทนาการถูกกฎหมาย พืชกัญชง(hemp) ได้กลายเป็นแหล่งรายได้ใหม่ให้กับเกษตรกรเช่นเดียวกับงานด้านการแปรรูปและการผลิต การปลูกพืชกัญชงทางกฎหมายครั้งแรกของรัฐได้รับการเก็บเกี่ยวในปี 2016 ภายใต้ใบอนุญาตการวิจัยจาก Morrisville ซึ่งก่อให้เกิดผู้ประกอบการรุ่นใหม่รายย่อย
Colton Welch นักศึกษาธุรกิจการเกษตรที่กำลังติดตามผู้ประกอบการกัญชารายย่อยกล่าวว่า “ผมเห็นเกษตรกรจำนวนมากเข้าถึงและพยายามหาบุคลากรที่รู้เรื่องเกี่ยวกับพืชผลตัวใหม่นี้ เราเพิ่งเริ่มรับรู้ว่าพืชกัญชานี้นำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวาง”
Karson Humiston ผู้ก่อตั้ง Vangst ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางานที่เชี่ยวชาญด้านงานกัญชา กล่าวว่า “ภาพรวมอุตสาหกรรม มีแนวโน้มที่สดใสมากสำหรับนักศึกษาที่เรียนจบออกมาทางด้านนี้”
Humiston กล่าวว่า “มีการสร้างงานในพื้นที่นี้มากกว่าในพื้นที่อื่นๆ ในอเมริกาเหนือ ด้วยเงินเดือนที่บางครั้งมีการแข่งขันมากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ และ เนื่องด้วยมีรัฐใหม่ๆ ที่กัญชาเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตลาดแรงงานมีการเปิดรับงานด้านนี้จำนวนมาก”
กัญชาทางการแพทย์ (Medical cannabis) กำลังเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากจากผู้คนเพราะเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคภัยต่างๆ การบรรจุพืชกัญชาลงในหลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันอุดมศึกษา นับว่ามีความจำเป็นและเป็นสิ่งสำคัญเพราะนักศึกษาที่จบออกมาจะกลายเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องกัญชา สามารถนำความรู้มาพัฒนาในอุตสาหกรรมกัญชาต่างๆ ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด อีกทั้งจะมีตำแหน่งงานมากมายรองรับในภาคอุตสาหกรรมกัญชาที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้
ที่มา: AP News: March 5, 2019
https://www.apnews.com/111fc6b22d4f4301bceaa6f4576b98be
By: Mary Esch
27 เม.ย 2564