Last updated: 7 ส.ค. 2562 |
วันที่ 3 กรกฎาคม 2562 -14:00 น.
"Exclusive"
หมายเหตุ : เผยแพร่ครั้งแรกเป็นภาษาไทยเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2562 โดย Cannhealth
เขียน/แปล: วันดี กุศลธรรมรัตน์/ Wandee K.
เรียบเรียง : อภินันท์ อุ่นทินกร: /Apinan Untinkorn
โรคเบาหวาน (diabetes) อยู่ในกลุ่มโรค NCD’s ที่ไม่ติดต่อเรื้อรังและไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค หากแต่เกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ไม่ถูกต้อง ทำให้มีประชากรในโลกเป็นโรคเบาหวานกันมาก โดยในประเทศไทยมีผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทีมงาน Cannhealth จึงขอนำข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ (Medical cannabis) ที่จะมีประโยชน์ในการเยียวยารักษาโรคเบาหวานมาบอกต่อกัน
สำหรับผู้คนจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาใช้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ แต่ทว่าสารประกอบที่อยู่ในกัญชาสามารถยืนยันได้ว่ามีประโยชน์ในทางการแพทย์ ทำให้เกิดคำถามที่ว่ากัญชามีโอกาสใช้เป็นทางเลือกในการรักษาโรคเบาหวานได้หรือไม่?
โรคเบาหวานเป็นโรคภาวะเรื้อรังที่มีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายที่เกี่ยวข้องกับส่วนอื่นของร่างกายได้แก่
ระบบประสาท หัวใจ หลอดเลือดและไต ซึ่งสรรพคุณทางยาของพืชกัญชาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยบรรเทาอาการในบางส่วน
คุณประโยชน์ที่มีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน (Benefits for people with diabetes)
กลุ่มผู้สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ที่มีชื่อกลุ่มว่า American Alliance for Medical Cannabis (AAMC) แนะนำว่ากัญชาอาจมีคุณประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน ดังนี้
· ควบคุม รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
· ลดการอักเสบของหลอดเลือดเนื่องจากคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant)
· ลดอาการปวดประสาทแบบเรื้อรัง ( neuropathic) , ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
· ทำให้หลอดเลือดเปิดซึ่งอาจลดความดันโลหิตเมื่อเวลาผ่านไป และปรับปรุงการไหลเวียน
· บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อเป็นตะคริว (muscle cramps)
· บรรเทาอาการปวดในทางเดินอาหารและตะคริว
อย่างไรก็ตามกลุ่ม AAMC ยังเตือนและแนะนำว่าผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์เหล่านี้ขัดแย้งกัน การวิจัยกัญชาสมุนไพรยังคงดำเนินต่อไปและยังมีความจำเป็นที่ต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และผู้ป่วยเข้าใจถึงผลการรักษาและอาการที่ไม่พึงประสงค์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
กัญชาอาจให้ประโยชน์ด้านอื่นๆ สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ทำให้ขนาดเอวเล็กลงและลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน (Smaller waist size and lower risk of obesity)
การมีน้ำหนักตัวมากเกินไป หรือเป็นโรคอ้วน (obesity) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่ากัญชาอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคอ้วนซึ่งอาจลดโอกาสในการเกิดโรคเบาหวานของคนเป็นลำดับ ตัวอย่างเช่นการศึกษาวิจัยในปี 2013 จากกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครทั้งหมด 4,657 คน รวมถึงผู้ใช้กัญชาในปัจจุบัน 579 คน และผู้ใช้ที่ผ่านมา 1,975 คน ได้ระบุความสัมพันธ์ระหว่างขนาดรอบเอวที่เล็กลงและการใช้กัญชา โดยเฉลี่ยแล้วพบว่าผู้ที่ยังใช้กัญชาในขณะที่ทำการศึกษาวิจัยจะมีเส้นรอบเอวน้อยกว่าคนที่ไม่ได้สูบกัญชา 1.5 นิ้ว (3.8 เซนติเมตร) การค้นพบนี้สนับสนุนการวิจัยก่อนหน้าซึ่งพบว่ากลุ่มคนที่ใช้กัญชาจะมีภาวะโรคอ้วน ลดจำนวนลงกว่ากลุ่มคนที่ไม่ได้ใช้กัญชา
เพิ่มภาวะตอบสนองต่ออินซูลิน (Increased insulin sensitivity)
ความสามารถของร่างกายในการใช้ฮอร์โมนอินซูลินอย่างมีประสิทธิภาพมีความสำคัญยิ่งต่อชีวิตและสุขภาพ อย่างไรก็ตามในคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ร่างกายมีความไวต่อผลของอินซูลินน้อยกว่า ดังนั้นจึงตอบสนองต่อฮอร์โมนนี้น้อยลง
การศึกษาวิจัยพบว่าผู้ใช้กัญชาอาจมีภาวะตอบสนองต่ออินซูลินเพิ่มมากขึ้น
ในการศึกษาวิจัยขนาดใหญ่ นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่าระดับความผิดปกติของอินซูลินของกลุ่มผู้ใช้กัญชาคือ 16% ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มผู้ใช้ในอดีตและกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ใช้กัญชา และพบว่าระดับภาวะดื้อต่ออินซูลิน (insulin resistance) ของกลุ่มที่ใช้กัญชานี้ ลดลง 17% โดยเฉลี่ย
ผลการศึกษาวิจัยในปี 2016 ซึ่งคัดเลือกผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่ได้รับอินซูลิน แสดงให้เห็นถึงระดับความสามารถของสาร cannabinoid คือ THC
ที่มีผลดังต่อไปนี้
· การไปตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (fasting blood glucose) พบว่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
· ปรับปรุงการผลิตอินซูลิน
· เพิ่มระดับของ adiponectin ซึ่งเป็นโปรตีนสร้างจากเซลล์ไขมันที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
คุณสมบัติต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory properties)
การอักเสบมีบทบาทในการพัฒนาโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 และโรคเรื้อรังอื่นๆ โดยงานวิจัยในปี 2015 บ่งบอกว่าคุณสมบัติต้านการอักเสบของสาร CBD
ในกัญชาสามารถรักษาอาการอักเสบที่ก่อให้เกิดโรคเบาหวานและโรคแทรกซ้อนบางอย่างที่อาจเกี่ยวข้อง
ป้องกันจอประสาทตา (Protection against retinopathy)
เบาหวานเข้าจอประสาทตา (Diabetic Retinopathy) เป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียการมองเห็นในผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยจากข้อมูลของ National Eye Institute พบว่าเบาหวานขึ้นจอประสาทตาถือเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการตาบอดในผู้ใหญ่วัยทำงาน ซึ่งผลการวิจัยในสัตว์ทดลองบอกเป็นนัยว่าการรักษาด้วยสาร CBD เป็นเวลา1-4 สัปดาห์ สามารถป้องกันอาการเบาหวานขึ้นจอประสาทตาได้อย่างมีนัยสำคัญ
การจัดการอาการปวดเส้นประสาทส่วนปลาย (Managing neuropathy pain)
ภาวะประสาทส่วนปลายเสื่อม (Diabetic neuropathy ) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยของโรคเบาหวาน มันเป็นความเสียหายของเส้นประสาทที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในบริเวณขาและเท้าของผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่อาจพัฒนาในส่วนอื่นๆ ของร่างกายด้วย โรคระบบประสาทมักจะเจ็บปวดอย่างมากและในบางกรณีอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งผู้เขียนการศึกษาวิจัยปี 2015 ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่มีอาการปวดจากปลายประสาทบริเวณเท้า ได้ให้ข้อสรุปว่าการสูดดมกัญชา (inhaling cannabis) สามารถบรรเทาอาการปวดเรื้อรังจากปลายประสาทเสื่อมได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง ทั้งนี้กลุ่มนักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการให้ THC ในขนาดที่สูงจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดีขึ้น
จะเห็นได้ว่ากัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์ บรรเทาอาการในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้หลายประการ อย่างไรก็ตามการใช้กัญชาเพื่อบรรเทารักษาโรคเบาหวานต้องศึกษาอย่างละเอียด ใช้อย่างรอบคอบ ให้เหมาะสมกับสภาพอาการของผู้ป่วย และควรที่จะศึกษาถึงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ทั้งระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต
ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรใส่ใจดูแลร่างกายตนเองโดยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายให้เหมาะสม ซึ่งก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะให้อาการเบาหวานไม่รุนแรงจนเกิดผลร้ายต่อร่างกาย
แหล่งข้อมูล: MedicalNewsToday
https://www.medicalnewstoday.com/articles/316999.php
Last updated By: Jayne Leonard /Wed 27 March 2019
Reviewed by Debra Rose Wilson, PhD, MSN, RN, IBCLC, AHN-BC, CHT